sf_thai_rev0 1Timothy:5:1-6:10
sf_thai_rev0
@1Timothy:5:1 @ อย่าพูดสบประมาทคนมีอาวุโส แต่จงตักเตือนเขาเสมือนเป็นบิดา และคนหนุ่มๆทั้งหลายเป็นเสมือนพี่หรือน้อง
sf_thai_rev0@1Timothy:5:2 @ และผู้หญิงผู้มีอาวุโสเป็นเสมือนมารดา และส่วนหญิงสาวๆก็ให้เป็นเสมือนพี่สาวน้องสาว ด้วยความบริสุทธิ์ทั้งหมด
sf_thai_rev0@1Timothy:5:3 @ จงให้เกียรติแก่แม่ม่ายไร้ที่พึ่ง
sf_thai_rev0@1Timothy:5:4 @ ถ้าแม่ม่ายคนใดมีลูกหลานก็ให้ลูกหลานนั้นเรียนเพื่อให้รู้จักที่จะปฏิบัติกับครอบครัวของตนก่อน และให้ตอบแทนคุณบิดามารดาของตน เพราะว่าการกระทำเช่นนี้เป็นการดีและเป็นที่ชอบต่อพระพักตร์พระเจ้า
sf_thai_rev0@1Timothy:5:5 @ ฝ่ายผู้หญิงที่เป็นแม่ม่ายอย่างแท้จริง และอยู่ตามลำพังแต่ผู้เดียวนั้น จงวางใจในพระเจ้า และดำรงอยู่ในการวิงวอนและการอธิษฐานทั้งกลางวันและกลางคืน
sf_thai_rev0@1Timothy:5:6 @ ส่วนผู้หญิงที่ปล่อยตัวในการสนุกสนานนั้น ก็ตายแล้วทั้งเป็นๆอยู่
sf_thai_rev0@1Timothy:5:7 @ จงกำชับข้อความเหล่านี้ เพื่อเขาจะไม่ถูกตำหนิ
sf_thai_rev0@1Timothy:5:8 @ ถ้าแม้ผู้ใดไม่เลี้ยงดูวงศ์ญาติของตน และโดยเฉพาะอย่างยิ่งคนในบ้านเรือนของตน ผู้นั้นก็ได้ปฏิเสธความเชื่อเสียแล้ว และชั่วยิ่งกว่าคนที่ไม่ได้เชื่อเสียอีก
sf_thai_rev0@1Timothy:5:9 @ อย่าให้แม่ม่ายคนใดที่อายุต่ำกว่าหกสิบปี ลงชื่อในทะเบียนแม่ม่าย จะต้องเป็นภรรยาของชายคนเดียว
sf_thai_rev0@1Timothy:5:10 @ และจะต้องเป็นผู้ที่ได้ชื่อว่าได้กระทำดี เช่นได้เอาใจใส่เลี้ยงดูลูก ได้มีน้ำใจรับรองแขก ได้ล้างเท้าวิสุทธิชน ได้สงเคราะห์คนที่มีความทุกข์ยาก และได้บำเพ็ญคุณความดีทุกอย่าง
sf_thai_rev0@1Timothy:5:11 @ แต่แม่ม่ายสาวๆนั้นอย่ารับขึ้นทะเบียน เพราะว่าเมื่อเขาหลงละเลิงห่างจากพระคริสต์ไปแล้ว ก็ใคร่จะสมรสอีก
sf_thai_rev0@1Timothy:5:12 @ เขาจะต้องถูกตำหนิ เพราะเขาได้ทิ้งความเชื่อเดิมของเขา
sf_thai_rev0@1Timothy:5:13 @ นอกจากนั้นเขาก็จะกลายเป็นคนเกียจคร้าน เที่ยวไปบ้านนี้บ้านนั้น และมิใช่แต่เกียจคร้านเท่านั้น แต่ปากบอนด้วย และเที่ยวยุ่งกับเรื่องของผู้อื่น พูดสิ่งซึ่งไม่ควรจะพูด
sf_thai_rev0@1Timothy:5:14 @ เหตุฉะนั้นข้าพเจ้าปรารถนาให้พวกแม่ม่ายสาวๆนั้นมีสามี มีบุตร และดูแลบ้านเรือน เพื่อมิให้ศัตรูมีช่องทางนินทาได้
sf_thai_rev0@1Timothy:5:15 @ ด้วยว่ามีบางคนได้หลงตามซาตานไปแล้ว
sf_thai_rev0@1Timothy:5:16 @ ถ้าชายหรือหญิงผู้มีความเชื่อคนใดมีแม่ม่าย ก็ให้เขาช่วยเลี้ยงดู อย่าให้เป็นภาระของคริสตจักรเลย เพื่อคริสตจักรจะได้สงเคราะห์คนที่เป็นแม่ม่ายไร้ที่พึ่งจริงๆ
sf_thai_rev0@1Timothy:5:17 @ จงถือว่าผู้ปกครองที่ปกครองดีนั้นสมควรได้รับเกียรติสองเท่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ปกครองที่ทำงานหนักในการเทศนาและสั่งสอน
sf_thai_rev0@1Timothy:5:18 @ เพราะพระคัมภีร์กล่าวว่า `อย่าเอาตะกร้าครอบปากวัว เมื่อมันกำลังนวดข้าวอยู่' และ `ผู้ทำงานสมควรจะได้รับค่าจ้างของตน'
sf_thai_rev0@1Timothy:5:19 @ อย่ายอมรับคำกล่าวหาผู้ปกครองคนใด เว้นเสียแต่จะมีพยานสองสามคน
sf_thai_rev0@1Timothy:5:20 @ สำหรับผู้ปกครองที่ยังคงกระทำบาป จงว่ากล่าวเขาต่อหน้าคนทั้งปวง เพื่อผู้อื่นจะได้เกรงกลัวด้วย
sf_thai_rev0@1Timothy:5:21 @ ข้าพเจ้ากำชับท่านต่อพระพักตร์พระเจ้าและต่อพระเยซูคริสต์เจ้า และต่อเหล่าทูตสวรรค์ที่ทรงเลือกสรรไว้แล้วนั้น ให้ท่านรักษาข้อความเหล่านี้ไว้โดยไม่เห็นแก่หน้าผู้ใด และไม่กระทำการใดๆด้วยใจลำเอียง
sf_thai_rev0@1Timothy:5:22 @ อย่าด่วนวางมือเจิมผู้ใด และอย่ามีส่วนร่วมในการกระทำบาปของผู้อื่นเลย จงรักษาตัวให้บริสุทธิ์
sf_thai_rev0@1Timothy:5:23 @ อย่าดื่มแต่น้ำอีกต่อไป แต่จงใช้น้ำองุ่นบ้างเล็กน้อย เพื่อประโยชน์แก่กระเพาะอาหารของท่านและโรคที่บังเกิดแก่ท่านเนืองๆ
sf_thai_rev0@1Timothy:5:24 @ การผิดของบางคนย่อมปรากฏเด่นขึ้นก่อน แล้วก็นำเขาไปถึงที่พิพากษา แต่การผิดของบางคนนั้นจะตามหลังเขาไป
sf_thai_rev0@1Timothy:5:25 @ ฝ่ายการดีของบางคนก็ปรากฏเด่นขึ้นก่อนด้วยเหมือนกัน และการนอกนั้นจะปิดบังไว้ก็ไม่ได้
sf_thai_rev0@1Timothy:6:1 @ จงให้คนทั้งหลายที่อยู่ใต้แอกแห่งความเป็นทาส ถือว่านายของตนเป็นผู้สมควรแก่การได้รับเกียรติยศทุกสถาน เพื่อพระนามของพระเจ้าและคำสอนของพระองค์จะมิได้ถูกหมิ่นประมาท
sf_thai_rev0@1Timothy:6:2 @ ฝ่ายคนเหล่านั้นผู้มีนายเป็นผู้มีความเชื่อก็อย่าให้เขาประมาทนาย เพราะว่าเหตุที่ได้มาเป็นพี่น้องกันแล้ว แต่ยิ่งกว่านั้นเขาต้องรับใช้นายให้ดีขึ้น เพราะเหตุว่านายผู้ที่จะได้รับประโยชน์เป็นผู้สัตย์ซื่อและเป็นที่รัก ข้อความเหล่านี้จงสั่งสอนและตักเตือนกัน
sf_thai_rev0@1Timothy:6:3 @ ถ้าผู้ใดสอนผิดไปจากนี้ และไม่ยอมเห็นด้วยกับพระวจนะอันมีหลัก คือพระวจนะของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา และคำสอนที่สมกับทางของพระเจ้า
sf_thai_rev0@1Timothy:6:4 @ ผู้นั้นก็เป็นคนทะนงตัวและไม่รู้อะไร แต่ชอบทุ่มเถียงและโต้แย้งในเรื่องคำ ซึ่งเป็นเหตุให้เกิดการอิจฉากัน การทะเลาะวิวาทกัน การกล่าวร้ายกัน การไม่ไว้วางใจกัน
sf_thai_rev0@1Timothy:6:5 @ และการวิวาทกันอันไร้ประโยชน์ระหว่างผู้ที่มีใจทรามและไร้ความจริง ที่คิดว่าทางของพระเจ้านั้นเป็นทางได้กำไร จงถอนตัวไปเสียจากคนเช่นนี้
sf_thai_rev0@1Timothy:6:6 @ แต่ว่าทางของพระเจ้าพร้อมทั้งความสุขใจก็เป็นกำไรมาก
sf_thai_rev0@1Timothy:6:7 @ เพราะว่าเราไม่ได้เอาอะไรเข้ามาในโลกฉันใด เราก็เอาอะไรออกไปจากโลกไม่ได้ฉันนั้น
sf_thai_rev0@1Timothy:6:8 @ แต่ถ้าเรามีอาหารและเสื้อผ้า ก็ให้เราพอใจด้วยของเหล่านั้นเถิด
sf_thai_rev0@1Timothy:6:9 @ ส่วนคนเหล่านั้นที่อยากร่ำรวยก็ตกอยู่ในการทดลองและติดบ่วงแร้ว และในตัณหาหลายอย่างอันโฉดเขลาและเป็นภัยแก่ตัว ซึ่งทำให้คนเราต้องจมลงถึงความพินาศเสื่อมสูญไป
sf_thai_rev0@1Timothy:6:10 @ ด้วยว่าการรักเงินทองนั้นก็เป็นรากแห่งความชั่วทุกอย่าง และบางคนที่ได้โลภเงินทองจึงได้หลงไปจากความเชื่อนั้น และความทุกข์เป็นอันมากจึงทิ่มแทงตัวของเขาเองให้ทะลุ